ศูนย์รวมการตลาดออนไลน์ ครบวงจร

  การยิงโฆษณาโปรโมทเฟสบุ๊คของเรานั้น มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากปัจจุบันนี้ผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่กับการแชท เฟสบุ๊คเป็นส่วนใหญ่  วันนี้เราจะพาทุกคนรู้จัก  4 เทคนิค การโปรโมทเฟสบุ๊ค 2020 จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ 1. Facebook Conversion คือโฆษณาที่ยิงแอดเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเรา ซึ่งยิงได้แม่นและตรงประเด็นที่สุด แต่ก็เป็นโฆษณาที่ยิงยากสุดเช่นกัน คุณจึงต้องทำการเก็บ Interest, Custom Audience หรือโครงสร้างทั้งหมดให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นตัว Facebook Conversion จะใช้งานได้ไม่ดีพอ การโปรโมทเฟสบุ๊คแนวทางนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ทำธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว หรือทำทุกอย่างในเพจดีแล้วจึงค่อยมาทำ Conversion บอกเลยว่าแนวทางนี้จะทำให้ยอดขายคุณดีขึ้นไปอีกในปี 2020 แน่นอน 2. Niche + Retargeting + Lookalike Niche คือ การยิงโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง Retargeting คือ การยิงโฆษณาซ้ำ เช่น การยิงโฆษณาหาผู้ที่เคยเข้าเว็บไซต์ Lookalike คือ การโคลนนิ่งคนที่เหมือนกับคนที่เราเคยยิงโฆษณาใส่ ถือเป็นการยิงโฆษณาหาลูกค้าใหม่แบบแม่นยำด้วยการนำคนที่มีนิสัยเหมือนคนที่เคยเข้า Facebook ของเรา ดังนั้น Niche

  สำหรับใครที่กำลังศึกษาด้านการตลาดออนไลน์ คงจะรู้ว่า ”การลงโฆษณาออนไลน์” นั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่หลาย ๆ อย่าง ในธุรกิจไม่ควรมองข้ามกันใช่ไหมครับ เพราะการลงโฆษณาออนไลน์ จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และนอกจากนั้นยังเพิ่มโอกาสในการปิดการขายที่มากขึ้นด้วย วันนี้เรามี   5 สิ่งที่ธุรกิจต้องทำ ก่อนเสียเงินยิงโฆษณาออนไลน์ มานำเสนอทุกคน จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ 1. รู้ว่าการลงโฆษณาออนไลน์มีอะไรบ้าง ? ในการลงโฆษณาออนไลน์นั้น มีช่องทางมากมายให้เราได้เลือก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสุดอย่างแรกเลย นั่นก็คือ “ เราต้องรู้ก่อนว่าการลงโฆษณาออนไลน์มีอะไรบ้าง ” ซึ่งการลงโฆษณาออนไลน์ ถ้าให้พูดก็มีทั้งบน Social Media ต่าง ๆ อย่าง Facebook Ads ที่เป็นการลงโฆษณาออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ แม้กระทั่งการลงโฆษณาออนไลน์บนเว็บไซต์ค้นหาอันดับหนึ่งอย่าง Google ที่เรียกว่า Google Ads  อย่างไรก็ตามครับ แต่ละช่องทางก็จะมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยที่ต่างกันไป รวมทั้งผู้ใช้ที่มีความหลากหลาย ในแต่ละช่องทาง เราต้องเลือกช่องทางการลงโฆษณาให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย 2. เข้าใจความสำคัญของ “คีย์เวิร์ด” ใ

  เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับ ว่าสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้เข้ามามีอิทธิพลกับเราในทุกเวลา ตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน อีกทั้งความรวดเร็วและความสะดวกสบายของโลกออนไลน์ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนทำความรู้จัก  Digital marketing กับ Online marketing  แตกต่างกันอย่างไร จะมีความแตกต่างยังไงบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ Digital Marketing  ในความเข้าใจของผมนั้นมันคือ การทำการตลาดทุกอย่าง บนโลกออนไลน์ โดยใช้อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีเป็นสื่อกลาง โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นกลยุทธิ์ทางการตลาด อีกทั้งยังเป็นการสร้างสินค้าใหม่ๆ ที่เด่นกว่าสินค้าเดิมที่มีอยู่ หรือเป็นนวัตกรรม โดยใช้เครื่องมือทางอีเล็กทรอนิกส์ในระบบดิจิตอล เช่น การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผ่านมือถือ เว็บไซต์ ซึ่ง Digital Marketing เป็นเทคโนโลยีทางการตลาดที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ที่จะสื่อสารออกมาให้ลูกค้าเข้าใจเป็นยุทธวิธีที่ทันสมัยและกำลังเป็นช่องทางใหม่ ที่นักการตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้นั้นเองครับ Online marketing  คือ การทำการตลาดในสื่อออนไลน์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำให้สินค้าของเราเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โ

  คุณรู้หรือไม่ว่าในปี 2020 มีผู้ใช้ Search Engine จาก Google มีมากถึง 2 แสนล้านครั้งต่อวัน หรือประมาณ 63,000 ครั้งต่อวินาที และมีแนวโน้มว่าสถิติการค้นหาจะสูงขึ้นไปอีก นั้นแปลว่าเราสามารถทำการตลาดออนไลน์ได้ โดยการใช้เทคนิค E-A-T วันนี้เรามี 3 เทคนิค การเขียนคอนเทนต์ให้ถูกใจ Google ด้วยหลักการของ E-A-T มานำเสนอ มาดูกันสิว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง E-A-T คืออะไร ตามความเข้าใจของผมนะครับ E-A-T เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้เพื่อเป็นเกณฑ์มาตรฐานในการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. Expertise คนเขียนบทความหรือคนสร้างคอนเทนท์ในแต่ละเพจ คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเปล่า มีอะไรรับรองได้ไหม หากเป็นไปเราต้องมีข้อมูลหรือเอกสารสนับสนุนในเว็บไซต์เราด้วย Google ได้เขียนไว้ว่าเราสามารถเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญจากการใช้งาน’ หมายถึงคนเชี่ยวชาญเกี่ยวกับหัวข้อใดเพราะใช้งานบ่อยหรือมีประสบการณ์ตรง ทั้งที่ไม่เคยผ่านการฝึก การอบรม หรือการศึกษาเฉพาะทางมาก่อน แต่เราสามารถใช้วิธีนี้กับคอนเทนท์ที่ไม่ใช่ YMYL เท่านั้น ระดับความเชี่ยวชาญขึ้นอยู่กับหัวข้อแต่ละเพจ ยกตัวอย่างเช่นคนที่เขียนรีวิวร้านอาหารอาจจะมีค

  เมื่อยุคสมัยของเราเปลี่ยนไป การแข่งขันและรูปแบบของการทำการตลาดก็เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นเราจะมีวิธีเตรียมตัวยังไงก่อนที่จะลงโฆษณาในเว็บไซต์ต่างๆ วันนี้เรามี  4 ขั้นตอนการเตรียมตัวง่ายๆ ก่อนทำโฆษณาผ่านเว็บไซต์ มานำเสนอ จะมีขั้นตอนอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ 1. กำหนดเว็บไซต์  ก่อนอื่นเลยเราต้องมีเว็บไซต์ที่เราจะทำก่อน โดยเราเลือกลิงค์หน้าเพจที่จะให้ผู้ลูกค้าคลิกไปแล้วเจอสินค้าหรือบริการของเราเลย ยิ่งถ้าเรามีระบบ E-payment ที่สามารถทำให้ลูกค้าซื้อของผ่านออนไลน์ได้ทันที ทำให้เรามีโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น 2. เลือก Location ที่ต้องการแสดงโฆษณา เรื่องนี้เราควรให้ความสำคัญมากๆ เราต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเราเป็นใคร และอยู่ที่ไหน เราถึงสามารถกำหนดได้ถูก ในการเลือกเราสามารถเลือกแบบปักหมุดก็ได้ หรือจะเลือกแบบเป็นจังหวัดหรือประเทศก็ได้เหมือนกันครับ เพื่อเป็นเจาะจงกลุ่มเป้าหมายของเราและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดนั้นเอง 3. เลือก Keywords โดยที่เราพิมพ์ชื่อสินค้าหรือบริการของเราลงไปใน Google เลยก็ได้ แล้วดูว่ามี Keyword ไหนบ้างที่คนใช้กันเยอะๆ หรือ ให้เราลองคิดตามดูว่าถ้าเราเป็นลูกค้า แล้วเรา

  ก่อนที่เราจะเริ่ม เขียนคอนเทนต์ นั้นเราจะต้องเข้าใจก่อนว่า เราจะเขียนอะไรลงไป กลุ่มเป้าหมายคือใคร เราสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ? วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการ  เขียนคอนเทนต์ยังไง ให้ยอดขายพุ่งกระฉูด จะมีวิธีการยังไงบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ 1. ต้องรู้ปัญหาอย่างชัดเจน ปัญหาของคนแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน แบบนี้ไงเราต้องรู้ถึงปัญหาของกลุ่มนั้นๆก่อน เขียนเล่าถึงปัญหาเพื่อให้กลุ่มลูกค้ารู้ว่า เรานี่แหละสามารถแก้ไขปัญหานั้นให้เขาได้ เพราะเราก็เคยประสบปัญหาเหล่านั้นมาก่อน แต่ทั้งนี้ไม่ควรพูดถึงปัญหาที่มากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราโฆษณาเกินจริง โดยคอนเทนต์ที่เขียนนั้นต้องไปในทิศทางเดียวกันกับสินค้าของเราด้วย 2. สื่ออารมณ์เพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย เขียนข้อความที่เข้าใจได้ง่ายและโดนใจลูกค้า โดยอาจใช้ข้อความที่กระตุ้นความรู้สึกเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมกับผลงานนั้นๆของเรา ลูกค้าก็จะเกิดการมีปฎิสัมพันธ์ร่วมกับธุรกิจของเรา โดยก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร จะสื่อสารให้เขาเข้าใจยังไง โดยการสื่อสารในแต่ละกลุ่มของลูกค้าก็ต้องแตกต่างกัน เราต้องเข้าใจไปถึงแก่นอารมณ์มากที่สุด ยิ่งเร

4 เทคนิคใช้ข้อมูล ที่ทำให้ธุรกิจของคุณโตไวติดจรวด ในปัจจุบันนี้ ข้อมูล  ถือเป็นอุาวธหลักที่นัก การตลาดออนไลน์ ทุกคน ใช้กันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเป็นที่หนึ่งในตลาดออนไลน์ได้นั่นเอง แต่การจะนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นต้องทำอย่างไร และมีเทคนิคอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ 1.นำข้อมูลที่ได้มาใช้คาดคะเนเทรนด์ ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก ถ้าเราสามารถโฟกัสสิ่งที่จะเป็นเทรนด์ในอนาคต และจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความนิยม แล้วเทรนด์ที่ว่านี้จะหามาได้อย่างไรไม่ยากครับ แค่ลองศึกษาข้อมูล Research จากต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทยของเราด้วย หมั่นคอยอัปเดตแนวโน้นความน่าจะเป็นจากข้อมูลหลังบ้านที่คุณได้รับ อยู่สม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณขายสินค้าทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ น้ำส้มควันไม้ เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด จากการเช็คยอดสั่งซื้อหลังบ้าน ในอนาคตคุณอาจจะต่อยอดจากผลิตภัณฑ์เดิม เพื่อมาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้นั่นเอง 2.นำข้อมูลมาใช้ในการวางแพลน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในธุรกิจ การนำข้อมูล Big Data นั้นมาใช้ช่วยในการตัดสินใจ สามารถทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะ ข้อมูลนั้นๆจะบอกคุณในทุก

คุณกำลังมองหาเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์อยู่หรือไม่? แต่ก่อนที่จะหาเครื่องมือคุณจะต้องเข้าใจก่อนว่าสื่อสังคมออนไลน์เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการเผยแพร่เนื้อหาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น วันนี้เราจะมาแนะนำ  5 เครื่องมือฟรีของ Google ที่นักทำ SEO ควรใช้ มีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันทีละอย่างกันเลยครับ  5. Google Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญทางการตลาดที่หลายคนต้องมี เพื่อการเก็บสถิติของ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อการนำไปประกอบการตัดสินใจในการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads หรือการทำการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสมกับ SEO ที่สามารถปรับใช้กับการทำ Content Marketing ได้อีกด้วย เพราะสามารถเช็คข้อมูลได้แบบ Real-Time ว่าผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณนั้นสนใจหน้าบทความใด เป็นต้น และที่สำคัญคือใช้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 4. Google Trend เป็นเครื่องมือการตลาดแบบฟรีที่ช่วยในการตัดสินใจทำคอนเทนต์ต่างๆที่คนค้นหาหรือกำลังเป็นกระแสนิยม หรือเทรนด์ ซึ่งหากจัดระดับความสำคัญของนักการตลาดสายทำคอนเทนต์ถือว่าสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องการหาไอเดียการเขียนแล้ว ยังสามารถใช้ในการหา Search Volume เพ

โลกของการตลาดออนไลน์นั้นกว้างใหญ่มาก ๆ และหากที่ผ่านมาคุณใช้เพียง Facebook หรือ Line@  อย่างเดียวไม่พอแน่นอน ดังนั้นเราจะมาแนะนำ  5 Marketing Tools ที่นักการตลาดออนไลน์ต้องใช้ มานำเสนอทุกคน จะมีเครื่องมืออะไรนั้น เราไปดูกันเลยครับ 1. Google Analytics  เป็นเครื่องมือสำคัญทางการตลาดที่หลายคนต้องมี เพื่อการเก็บสถิติของ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ เพื่อการนำไปประกอบการตัดสินใจในการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads หรือการทำการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสมกับ SEO ที่สามารถปรับใช้กับการทำ Content Marketing ได้อีกด้วย เพราะสามารถเช็คข้อมูลได้แบบ Real-Time ว่าผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณนั้นสนใจหน้าบทความใด เป็นต้น และที่สำคัญคือใช้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 2. Google Trends   เป็นเครื่องมือการตลาดแบบฟรีที่ช่วยในการตัดสินใจทำคอนเทนต์ต่างๆที่คนค้นหาหรือกำลังเป็นกระแสนิยม หรือเทรนด์ ซึ่งหากจัดระดับความสำคัญของนักการตลาดสายทำคอนเทนต์ถือว่าสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องการหาไอเดียการเขียนแล้ว ยังสามารถใช้ในการหา Search Volume เพื่อการปรับใช้ในการเขียนคอนเทนต์ที่เหมาะสมและตรงกลุ่มคนที่ต้องการค้นหามากข

4 กลยุทธ์ การตลาดออนไลน์ ปี 2020 เป็นปีที่กระแสตอบรับการตลาดออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลายธุรกิจได้เริ่มตื่นตัวและปรับตัวรับมือกับกระแสการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก ดังนั้นธุรกิจที่มีกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่พร้อมมากกว่า ย่อมมีโอกาสสร้างผลลัพธ์จากการทำการตลาดออนไลน์ที่ดีให้กับธุรกิจได้ ลองมาดูว่า กลยุทธ์อะไรที่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีจากการทำการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจได้บ้าง 1. การใช้เว็บไซต์เป็นพื้นฐานในการทำการตลาดออนไลน์ ฟังดูแล้วเป็นเรื่องธรรมดาในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยต้องบอกว่าธุรกิจที่ทำ การตลาดออนไลน์  หรือขายของออนไลน์อยู่ส่วนใหญ่ไม่มีเว็บไซต์ของธุรกิจ เพราะชอบขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากกว่า เพื่อรับมือการแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์ในปีนี้ การทำเว็บไซต์ของธุรกิจจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง หรือหากธุรกิจใดที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว ควรทำเว็บไซต์ธุรกิจให้มีประสิทธิภาพดียิ่งชึ้น เพิ่มเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และดึงดูดผู้ชมมากขึ้น หรืออาจลองพิจารณาเพิ่มเว็บไซต์ธุรกิจก็ได้ 2. การทำ Digital Marketing แบบบูรณาการ การมีเครื่องมือการตลาดออนไลน์เยอะย่อมเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจ

  Digital Agency คืออะไร หลายคนเกิดความสงสัยในหัวว่า ทั้งที่เราทำการตลาดออนไลน์เองก็ได้แล้ว ทำไมเราต้องไปใช้บริการ  Digital Agency ในการทำการตลาดให้เปลืองเงินเพิ่มด้วยละ วันนี้เราจะคลายข้อสงสัยตรงนี้ให้คุณเอง จะมีเนื้อหายังไงบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ Digital Agency  คืออะไร Digital Agency  หรือ บริษัท Digital Marketing Agency ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเรียกกันว่า Digital Agency มีหน้าที่ รับทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Youtube , Facebook , ทำเว็บไซต์ และโฆษณาสินค้าในธุรกิจต่างๆ แต่เจ้าของธุรกิจ SME หลายคนยังตั้งคำถามว่า ทำไมเราต้องใช้บริการ Digital Agency เหล่านี้มาให้ช่วยงานด้านการตลาดออนไลน์ด้วย หา Freelance มาทำไม่ได้เหรอ หรือจ้าง In-house เลยดีกว่าไหม สงสัยบ้างไหมว่าพวก บริษัท Digital Agency เหล่านี้เค้าทำอะไรกัน ให้บริการอะไร เรื่องออนไลน์ดูเหมือน ไม่น่าจะยาก แต่ทำไมหลายธุรกิจพร้อมจ่ายเงินให้บริษัทเหล่านี้มาช่วยทำการตลาดด้วย ทำไมถึงต้องใช้ Digital Agency เอเจนซีมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการทำ Digital Marketing ซึ่งกว่าจะเชี่ยวชาญก็ต้องศึกษาข้อมูลกันมาพอสมควรถึงพอที่จะสามารถ Es

  การทำ SEO  นั้นคงเป็น 108 คำถามในหัวของใครหลายๆคน และยังคงคิดเสมอว่า ทำไมเราต้องทำเว็บไซต์ของเราให้ติดหน้า Google ด้วย ทั้งๆเว็บเราก็เป็นที่รู้จักของลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้เรามีคำตอบให้ทุกๆคนเพื่อให้หายข้อสงสัยว่า ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องทำ SEO  มันดีอย่างไร ? การทำ SEO คืออะไร     มาทำความเข้าใจของคำว่า SEO ก่อนนะครับ SEO นั้นย่อมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Search engine optimization ความหมายก็แปลตามตัวเลย คือ การผลักดันเว็บไซต์ ตัวเอง  (ชุดข้อมูลนั้นๆ) ให้ติดหน้าแรกในค้นหาบน Google ด้วยคีย์เวิร์ดที่เราต้องการนั้นเองครับ สำหรับบทความนี้ผมจะพูดถึงวิธี การทำ SEO แบบละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงเทคนิคต่างๆ เท่าที่ผมเคยทำ แต่เน้น สอนการทำ SEO เฉพาะเว็บไซต์ที่ทำด้วย WordPress เท่านั้นครับ เหมาะสำหรับมือใหม่หรือผู้เริ่มต้นทำ SEO ผิดถูกพิจารณากันเองนะ ผมเขียนจากข้อมูลที่ผมมีและประสบการณ์ส่วนตัวครับ ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องทำ SEO หลายๆ คนคิดว่าแค่มีเว็บไซต์ หรือมี Facebook แฟจเพจ ก็สามารถที่จะขายของออนไลน์ได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง เราแค่เพียงมีแต่เว็บไซต์ แต่มันยังไม่มีใครเห็นแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเว็บไซต์เร